โรคภูมิแพ้คืออะไร ทำไมถึงเป็น

หากลูกมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล มีผื่นเมื่อทานอาหาร หากเด็ก ๆ มีอาการเหล่านี้ อาจแสดงว่าลูกคุณเป็นภูมิแพ้ แล้วภูมิแพ้ คืออะไร ทำไมถึงเป็น คุณหมอ (พญ.ธันยธร พิสิฐบัณฑูรย์) กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้และระบบภูมิคุ้มกัน รพ.วิชัยเวชฯอ้อมน้อย ไขข้อข้องใจให้ได้ทราบกันค่ะ

โรคภูมิแพ้ คือโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายของเรามีการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ผิดปกติ โดยสารก่อภูมิแพ้จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ
กลุ่มแรก สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ได้แก่ ควัน ไรฝุ่น ขนสัตว์
กลุ่มที่สอง สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร เช่น โปรตีนในนมวัว ในไข่ ในถั่วเหลือง หรือพวกแป้งสาลี รวมถึงกลุ่มสัตว์มีกระดอง ได้แก่ กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก
ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในเด็กที่มีอายุช่วงขวบปีแรก เช่น อาการแพ้นม หรือเวลากินนมจะมีเสียงครืดคราด เหมือนมีเสมหะอยู่ในคอตลอดเวลา ซึ่งถ้าดูแลไม่ดีอาจจะลุกลามเป็นโรคปอดอักเสบได้

สาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็ก คืออะไร
สาเหตุของโรคภูมิแพ้มีหลายปัจจัย แต่สิ่งที่สำคัญ คือ เรื่องของกรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม ถ้าเกิดกรณีที่คุณพ่อและคุณแม่เป็นภูมิแพ้ทั้งคู่ โอกาสที่ลูกจะเป็นภูมิแพ้ก็มีมากขึ้นประมาณ 40-60% แต่กรรมพันธุ์อย่างเดียว ก็อาจยังไม่แสดงอาการ ปัจจัยสำคัญอีก 2 ส่วนก็คือ ความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในปัจจุบันความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายน้อยลง สิ่งแวดล้อมแย่ลง มีมลภาวะ ก็จะเป็นเหตุผลที่ทำให้คนเป็นโรคภูมิแพ้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันโรคภูมิแพ้ ถือเป็นโรคเรื้อรังอันดับ 3 ที่ทำให้เด็กในวัยเรียนต้องขาดเรียน

หวัดกับภูมิแพ้ต่างกันอย่างไร
หวัดกับภูมิแพ้อาการจะคล้าย ๆ กัน แต่หวัด จะมีสาเหตุของโรคที่ชัดเจน คือเกิดจากเชื้อไวรัส คนที่มีอาการก็จะมีอาการแบบเฉียบพลัน เช่น อาจจมีไข้ หรือไม่มีไข้ก็ได้ มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือมีการจามถี่ ๆ ถ้าหากมีอาการปวดเมื่อยตามตัว มีไข้ ก็จะเป็นอาการที่บอกได้ชัดเจนว่าเป็นโรคหวัด ซึ่งอาการก็จะเป็นอยู่ประมาณ 3-5 วัน ภายใน 1 สัปดาห์ก็สามารถหายได้เองเป็นปกติ โดยที่ไม่ต้องรักษาอะไร

ส่วนอาการของโรคภูมิแพ้ จะมีความหลากหลายมาก และมีประวัติชัดเจนว่าเป็น ๆ หาย ๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน แบ่งอาการออกเป็น 3 ระบบ

1. ระบบทางเดินหายใจ

  • คัดจมูก คันจมูก น้ำมูกไหล เฉพาะช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง เจอฝุ่นละออง เจอสิ่งที่ระคายเคือง หรือเจอสิ่งที่แพ
  • อาจมีอาการคันตา ไอ เมื่อสัมผัสสัตว์ เช่น อุ้มแมว หรือเล่นกับสุนัข
  • หากมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นอาจจะมีอาการไอร่วมกับอาการหอบเหนื่อย โดยที่จะมีไข้หรือไม่มีก็ได้

2. ระบบผิวหนัง
แบบที่ 1 จะเป็นชนิดที่ค่อนข้างฉับพลัน จะเรียกว่า ลมพิษ จะมีลักษณะเป็นตุ่ม นูน คัน
แบบที่ 2 จะเป็นลักษณะเรื้อรัง ที่เรียกว่า ภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ หรือที่เรียกว่า Atopic Dermatitis จะมีอาการเป็นผื่นขึ้นบริเวณแก้ม บริเวณแขนขาด้านนอก ซึ่งบริเวณไหนที่มีการเสียดสีมาก ๆ ก็จะผื่นพวกนี้ขึ้นได้ ผื่นจะมีลักษณะแห้ง คันแดง สาก ซึ่งหากมีอาการลักษณะนี้ควรต้องรีบพามาพบคุณหมอเพื่อรับยาฉีด

3. ระบบทางเดินอาหาร

  • ริมฝีปากบวม มีผื่นคันรอบปาก
  • คลื่นไส้ อาเจียน แหวะนมบ่อยในเด็กทารก
  • ท้องอืด ถ่ายเหลว มีมูกเลือดในอุจจาระ

การพิจารณาเพื่อวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ มีอะไรบ้าง 

ไม่อยากให้ลูกแพ้ ตรวจหาโรคภูมิแพ้ ด้วยวิธีไหนได้บ้าง

  • คุณหมอจะทำการซักประวัติ
  • ตรวจร่างกาย
  • การหาสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยในเรื่องการประเมินและวิเคราะห์โรคภูมิแพ้ได้ดีมาก ๆ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงได้อย่างถูกต้อง
    ซึ่งการหาสารก่อภูมิแพ้ หลัก ๆ จะเป็นวิธีการสะกิดผิวหนัง ที่เรียกว่า Skin Test หรือเจาะเลือด ซึ่งจะสามารถบอกให้รู้ว่าลูกแพ้อะไรบ้าง และแพ้มากน้อยแค่ไหน

ถ้าลูกป่วยเป็นภูมิแพ้ ควรดูแลสุขภาพอย่างไร ?
ควรพาลูกไปพบคุณหมอ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม นอกจากนี้ควรดูแลให้ลูกมีสุขภาพ และภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา ให้เด็กๆ ได้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ หรืออาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ โดยเฉพาะอาหารบางกลุ่มที่เสี่ยงกระตุ้นให้เกิดการแพ้ขึ้นในร่างกาย เช่น อาหารทะเล ถั่วลิสง เป็นต้น ส่งเสริมให้ลูกได้ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เพื่อความแข็งแรงของร่างกาย

 

ติดต่อคลินิกกุมารเวช รพ. วิชัยเวชฯ อ้อมน้อย โทร. 02-441-7899 หรือ 1792
หรือติดต่อได้ผ่านช่องทาง Line
หรือสามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษาได้เลยค่ะ