ฉายแสงกับคีโมต่างกันอย่างไร?

รู้จัก 2 วิธีรักษามะเร็ง พร้อมข้อเปรียบเทียบแบบเข้าใจง่าย
ผู้ป่วยโรคมะเร็งหลายคนมักมีคำถามว่า “ฉายแสงกับคีโม ต่างกันอย่างไร?” หรือ “ต้องทำทั้งสองอย่างหรือไม่?” บทความนี้จะช่วยอธิบายความแตกต่าง ข้อดี-ข้อจำกัด และแนวทางเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละกรณี

คีโมบำบัด (Chemotherapy) คืออะไร?

คีโมคือการใช้ยาเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งทั่วร่างกาย ยาสามารถให้ทางหลอดเลือดดำ รับประทาน หรือฉีดเฉพาะจุด ยาเหล่านี้จะไหลเวียนไปทั่วร่างกายเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่อาจแพร่กระจาย

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:

  • ผมร่วง
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • อ่อนเพลีย
  • ภูมิคุ้มกันต่ำ เสี่ยงติดเชื้อ

การฉายแสง (Radiotherapy) คืออะไร?

การฉายแสงเป็นการใช้รังสีพลังงานสูง เช่น X-ray หรือโปรตอน ยิงเฉพาะจุดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยไม่กระทบกับเซลล์ดีรอบข้างมากนัก เหมาะกับมะเร็งที่มีขอบเขตชัดเจน

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:

  • ผิวบริเวณที่ฉายแสงแห้ง แดง หรือคล้ำ
  • อ่อนเพลีย
  • อาการเฉพาะตำแหน่ง เช่น กลืนลำบาก (กรณีฉายที่คอ)

เปรียบเทียบคีโมกับฉายแสง

เปรียบเทียบ คีโมบำบัด ฉายแสง
ขอบเขตการรักษา ทั่วร่างกาย เฉพาะจุด
ระยะเวลา เป็นคอร์ส 3–6 เดือน ฉาย 5 วัน/สัปดาห์ หลายสัปดาห์
ผลข้างเคียง ระบบร่างกายรวม บริเวณที่ฉาย
ใช้เมื่อใด มะเร็งลุกลามหรือกระจาย มะเร็งเฉพาะจุดที่ควบคุมได้

บางกรณีแพทย์อาจใช้ทั้ง 2 วิธีร่วมกัน เพื่อเสริมประสิทธิภาพ เช่น มะเร็งเต้านมระยะลุกลาม หรือมะเร็งปากมดลูก

เมื่อไหร่ถึงจะรักษาด้วยการฉายแสง?

  • มะเร็งอยู่ในระยะเริ่มต้น: ทำลายก้อนมะเร็งเฉพาะจุดที่ยังไม่แพร่กระจาย
  • มะเร็งเฉพาะที่ เช่น มะเร็งศีรษะและคอ มะเร็งปอดระยะต้น
  • ใช้ร่วมกับการผ่าตัด: ก่อนผ่าตัดเพื่อลดขนาด หรือหลังผ่าเพื่อลดโอกาสกลับมา
  • เพื่อบรรเทาอาการ: เช่น ลดอาการปวดจากก้อนมะเร็งที่ลุกลาม

เมื่อไหร่ถึงจะรักษาด้วยคีโมบำบัด?

  • มะเร็งแพร่กระจาย: เพราะคีโมออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย
  • มะเร็งในระบบเลือดหรือน้ำเหลือง: เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
  • ใช้ร่วมกับการฉายแสงหรือผ่าตัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา
  • ลดขนาดเนื้องอกก่อนผ่าตัด เพื่อให้การผ่าตัดได้ผลดีขึ้น

ปัจจัยที่แพทย์ใช้ในการตัดสินใจเลือกวิธีรักษา

  • ชนิดของมะเร็ง: มะเร็งบางชนิดตอบสนองต่อคีโมมากกว่า บางชนิดตอบสนองต่อฉายแสงดีกว่า
  • ระยะของโรค: ระยะต้นอาจใช้เฉพาะจุด เช่น ฉายแสง แต่ระยะลุกลามมักใช้คีโม
  • ตำแหน่งของเนื้องอก: หากอยู่ในจุดที่ฉายแสงได้แม่นยำ แพทย์อาจเลือกฉายแสง
  • สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย: ถ้าร่างกายอ่อนแอเกินไป คีโมอาจไม่เหมาะ
  • ผลข้างเคียงที่ยอมรับได้: การพิจารณาจะรวมถึงความสามารถในการรับมือกับผลข้างเคียง

รพ.วิชัยเวชฯ อ้อมน้อย – ดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบครบด้าน

ศูนย์รักษามะเร็ง โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย ให้บริการรักษาแบบบูรณาการ โดยทีมแพทย์เฉพาะทางสหสาขาวิชาชีพ ที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ทั้งการวางแผน ดูแลอาการ และให้คำปรึกษาผู้ป่วยและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง

  • เคมีบำบัด (คีโม) ทางหลอดเลือด โดยอายุรแพทย์มะเร็ง
  • ศัลยกรรมมะเร็ง โดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง
  • ยาตรงเป้าหมาย (Targeted Therapy) และการรักษาในระดับเซลล์
  • รังสีร่วมรักษา เช่น TACE สำหรับมะเร็งตับ

ตั้งอยู่ใกล้พุทธมณฑล หนองแขม อ้อมน้อย เดินทางสะดวก
ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางได้ทุกวัน

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: คีโมกับฉายแสงทำพร้อมกันได้ไหม?
A: ได้ในบางกรณี เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือศีรษะและคอ ซึ่งแพทย์จะวางแผนตามชนิดมะเร็งและสภาพผู้ป่วย

Q: คีโมทำไมผมร่วง แต่ฉายแสงไม่ร่วง?
A: คีโมส่งผลทั่วร่างกาย ทำให้รากผมหยุดทำงาน แต่การฉายแสงกระทบเฉพาะจุดเท่านั้น

Q: ฉายแสงต้องทำกี่ครั้ง?
A: โดยทั่วไป 5 วัน/สัปดาห์ ต่อเนื่อง 4–6 สัปดาห์ แล้วแต่ชนิดและระยะของมะเร็ง

Q: ผลข้างเคียงรุนแรงไหม?
A: ขึ้นอยู่กับวิธีรักษาและร่างกายของผู้ป่วย แพทย์จะช่วยวางแผนดูแลให้เหมาะสมกับแต่ละคน

ข้อคิดและคำแนะนำเพิ่มเติมจากแพทย์

การรักษาโรคมะเร็งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ต้องอาศัยทั้งความรู้ทางการแพทย์ และการดูแลใจของผู้ป่วยและครอบครัวร่วมกัน

  • ขอให้ผู้ป่วยอย่ารู้สึกโดดเดี่ยว เพราะทีมแพทย์จะอยู่เคียงข้างเสมอ
  • การให้ข้อมูลครบถ้วน ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจและตัดสินใจร่วมกับแพทย์ได้ดีที่สุด
  • การมีกำลังใจและการสนับสนุนจากครอบครัวมีผลต่อผลลัพธ์ของการรักษาอย่างมาก

นัดหมายเพื่อปรึกษาแพทย์

หากคุณกำลังพิจารณาทางเลือกการรักษา เช่น เคมีบำบัด ศัลยกรรม หรือยาตรงเป้าหมาย
ทีมแพทย์ของเราพร้อมให้คำปรึกษา พร้อมวางแผนแนวทางที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
โทร: 02-441-7899  ต่อ 1111 , 3124 หรือ1792
แผนที่: ใกล้พุทธมณฑล – หนองแขม – อ้อมน้อย
นัดหมายออนไลน์: Line