ทำความรู้จัก “เอนเทอโรไวรัส” ต้นเหตุเด็กเสียชีวิตกระทันหัน

ข่าวคราวการเสียชีวิตของเด็กเล็กอย่างกะทันหันจากการติดเชื้อไวรัส สร้างความตื่นตระหนกและความกังวลใจให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก หนึ่งในไวรัสที่เป็นภัยเงียบใกล้ตัวเด็กๆ และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ คือ “เอนเทอโรไวรัส” บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับไวรัสชนิดนี้ ตั้งแต่ลักษณะของเชื้อ การติดต่อ อาการ โรคแทรกซ้อน วิธีการป้องกัน รวมถึงแนวทางการดูแลรักษา เพื่อให้พ่อแม่สามารถรับมือ และป้องกันลูกน้อยได้อย่างถูกต้อง

เอนเทอโรไวรัสคืออะไร?
เอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) เป็นไวรัส RNA ชนิดสายเดี่ยว จัดอยู่ในตระกูล Picornaviridae มีขนาดเล็ก และสามารถพบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ไวรัสชนิดนี้มีความทนทาน สามารถมีชีวิตอยู่ในอุจจาระได้นานหลายสัปดาห์ และสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด เช่น ในกระเพาะอาหาร ได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถแพร่กระจายได้ง่าย และก่อให้เกิดการติดเชื้อในมนุษย์ได้

การติดต่อของเชื้อเอนเทอโรไวรัส

การติดต่อของเชื้อเอนเทอโรไวรัส ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย อุจจาระ เสมหะ โดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางปาก จมูก หรือตา นอกจากนี้ ยังสามารถติดต่อผ่านทางการไอ จาม หรือการสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น ของเล่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ แล้วนำมือมาสัมผัสใบหน้า เด็กเล็ก ที่ยังไม่สามารถดูแลสุขอนามัยของตนเองได้ดี จึงมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ และแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

อาการของโรคที่เกิดจากเอนเทอโรไวรัส

เอนเทอโรไวรัส สามารถก่อให้เกิดโรคได้หลากหลาย โดยอาการจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิด และความรุนแรงของเชื้อ โรคที่พบบ่อย ได้แก่

  • โรคมือ เท้า ปาก   (Hand, Foot and Mouth Disease): มักพบในเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 5 ปี อาการคือ มีไข้ เจ็บคอ เบื่ออาหาร และมีตุ่มแดง หรือ ตุ่มน้ำ ที่มือ เท้า และปาก
  • โรคสมองอักเสบ (Encephalitis): เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ของการติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ อาเจียน ซึม สับสน และอาจมีอาการชัก ได้
  • กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis): เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงอีกชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีอาการ เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis): ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ คอแข็ง และอาจมีอาการ ซึม สับสน ได้

เอนเทอโรไวรัส กับการเสียชีวิตในเด็ก

แม้ว่า โดยทั่วไป การติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส มักไม่รุนแรง และหายได้เอง แต่ในบางกรณี อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น สมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ที่มีระบบภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กเสียชีวิตจากเอนเทอโรไวรัส

  • อายุ เด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 5 ปี มีความเสี่ยงสูง
  • ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น เด็กที่เป็นโรค HIV มะเร็ง หรือ ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
  • การติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์รุนแรง
  • การไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และ ทันท่วงที

การป้องกันเอนเทอโรไวรัส

การป้องกัน เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในการลดความเสี่ยง จากการติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส แนวทางปฏิบัติ ได้แก่

  • ล้างมือบ่อยๆ: ล้างมือด้วยสบู่ และน้ำสะอาด อย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะ ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังสัมผัสสิ่งของ ในที่สาธารณะ
  • รักษาสุขอนามัย: สอนเด็กๆ ให้ปิดปาก และจมูก เวลาไอ หรือ จาม ใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือ ทิชชู่ ทุกครั้ง และทิ้งในถังขยะ ที่มีฝาปิด
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย: ไม่ควรให้เด็ก คลุกคลี กับผู้ป่วย ที่ติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส
  • ทำความสะอาดของเล่น และ สิ่งของเครื่องใช้: ทำความสะอาด ของเล่น และ สิ่งของเครื่องใช้ ของเด็ก เป็นประจำ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
  • รับวัคซีน: พาเด็ก ไปรับวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก  ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยง ในการติดเชื้อ และ ลดความรุนแรงของโรคได้

การดูแลรักษา

ปัจจุบัน ยังไม่มียาต้านไวรัส ที่ใช้รักษาโรค ที่เกิดจากเอนเทอโรไวรัส โดยเฉพาะ การรักษา จึงเป็นการรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ เช็ดตัว ให้ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น สมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จำเป็นต้องได้รับการรักษา ในโรงพยาบาล และ อาจต้องได้รับ การดูแล ในห้องไอซียู

เอนเทอโรไวรัส เป็นภัยเงียบ ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะ ในเด็กเล็ก การป้องกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่พ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ควรมองข้าม หมั่นดูแลสุขอนามัย สังเกตอาการ และ พาบุตรหลาน ไปพบแพทย์ ทันที เมื่อมีอาการผิดปกติ

 

ติดต่อคลินิกกุมารเวช รพ. วิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
โทร.
 02-441-7899 หรือ 1792
หรือติดต่อได้ผ่านช่องทาง 
Line
หรือสามารถตรวจเช็ค 
ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษาได้เลยค่ะ