ไข้เลือดออกในเด็ก สังเกตอาการอย่างไร? อันตรายไหม? ต้องดูแลอย่างไร?

ไข้เลือดออกในเด็กเป็นปัญหาสุขภาพที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ยุงลายชุกชุม เด็กมักมีอาการรุนแรงกว่าผู้ใหญ่ และอาจเข้าสู่ระยะช็อกโดยที่พ่อแม่ไม่ทันสังเกต หากได้รับการดูแลไม่ทันเวลา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

สาเหตุของไข้เลือดออกในเด็ก

โรคไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) ซึ่งแพร่โดยยุงลาย เมื่อเด็กถูกยุงที่มีเชื้อกัด เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายและเริ่มแบ่งตัว ทำให้เกิดอาการไข้และอาการอื่น ๆ ตามมา

อาการไข้เลือดออกในเด็ก สังเกตอย่างไร?

อาการของไข้เลือดออกในเด็กมีตั้งแต่อ่อนถึงรุนแรง โดยสัญญาณเตือนที่พ่อแม่ควรสังเกต ได้แก่:

ไข้สูงมากกว่า 38.5–40°C ต่อเนื่อง 2–7 วัน
เด็กซึม ไม่เล่น เบื่ออาหาร
อาเจียนบ่อย อาจมีปวดท้องร่วมด้วย
ปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะข้อศอก ข้อเข่า
มีผื่นแดงขึ้นตามลำตัวหลังไข้ลด
อาจมีเลือดออกตามไรฟัน จ้ำเลือดใต้ผิวหนัง

หากมีอาการดังกล่าวร่วมกัน หรือไข้ไม่ลดภายใน 2–3 วัน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยันทันที

ไข้เลือดออกในเด็กมีกี่ระยะ?

เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ ไข้เลือดออกในเด็กแบ่งเป็น 3 ระยะ:

1. ระยะไข้: ไข้สูงตลอดเวลา เด็กอาจยังดูค่อนข้างปกติ
2. ระยะวิกฤต (ช็อก): ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ภายในร่างกายเริ่มรั่วซึมของพลาสมา เด็กอาจซึม ตัวเย็น มือเท้าเย็น ปัสสาวะน้อย
3. ระยะฟื้นตัว: เมื่อผ่านระยะวิกฤต เด็กจะเริ่มอยากอาหาร อาการดีขึ้นอย่างชัดเจน

ระยะช็อกของไข้เลือดออกในเด็กอันตรายแค่ไหน?

เด็กที่เข้าสู่ระยะช็อกอาจไม่มีไข้ แต่เริ่มมีสัญญาณชีพผิดปกติ เช่น ความดันต่ำ ชีพจรเบา ปัสสาวะน้อย ตัวเย็นซีด ซึ่งต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลทันที หากปล่อยไว้ อาจเกิดภาวะอวัยวะล้มเหลวและเสียชีวิตได้

ไข้เลือดออกในเด็กห้ามกินอะไร?

ห้ามให้ยาแอสไพริน และยากลุ่ม NSAIDs เช่น ibuprofen เพราะเสี่ยงต่อการเลือดออก
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของทอด และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
ควรให้ดื่มน้ำเกลือแร่ อาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ผลไม้ที่ให้พลังงาน

เด็กเป็นไข้เลือดออก ใช้ยาลดไข้ได้ไหม?

สามารถใช้ พาราเซตามอลในขนาดที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัวเพื่อบรรเทาอาการไข้ แต่ต้องไม่ให้ถี่เกินไป และควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น ห้ามให้ยาด้วยตัวเองโดยไม่มีคำแนะนำ

การวินิจฉัยและการรักษา

แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจเลือดเพื่อดูระดับเกล็ดเลือดและฮีมาโตคริต หากเข้าสู่ระยะเสี่ยง อาจต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือ และเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด

การป้องกันไข้เลือดออกในเด็ก

หลีกเลี่ยงการถูกยุงกัด โดยใช้ยาทากันยุง ปิดมุ้งเวลานอน
กำจัดแหล่งน้ำขังภายในบ้าน เช่น จานรองกระถาง แจกัน ยางรถยนต์เก่า
ใส่เสื้อผ้าแขนยาวเมื่อต้องออกนอกบ้านช่วงเช้าเย็น
ในบางรายที่เคยติดเชื้อเดงกีมาก่อน อาจพิจารณาฉีดวัคซีน (เฉพาะกลุ่มอายุที่เหมาะสม)

FAQ – คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไข้เลือดออกในเด็ก

Q: เด็กเป็นไข้เลือดออกต้องนอนโรงพยาบาลไหม?
A: ถ้าเข้าสู่ระยะวิกฤต หรือเริ่มมีอาการขาดน้ำ ซึมมาก ปัสสาวะน้อย แพทย์มักพิจารณาให้นอนโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด

Q: ไข้เลือดออกในเด็กอันตรายกว่าในผู้ใหญ่ไหม?
A: ใช่ เด็กมีโอกาสเข้าสู่ภาวะช็อกได้รวดเร็วกว่า และอาการแสดงอาจไม่ชัดเจน ทำให้พ่อแม่เข้าใจผิดว่าไข้ธรรมดา

Q: ระยะช็อกของเด็กกินเวลากี่วัน?
A: โดยทั่วไปกินเวลา 1–2 วัน เป็นช่วงที่ต้องเฝ้าระวังมากที่สุด แม้ไข้จะลดลงแล้ว

Q: ไข้เลือดออกในเด็กหายได้เองไหม?
A: เด็กบางรายอาจหายเองได้หากร่างกายแข็งแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อน แต่ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เสมอ

อย่ารอให้เด็กเสี่ยงอันตรายจากไข้เลือดออก

ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัย ดูแล และรักษาไข้เลือดออกในเด็กตลอด 24 ชั่วโมง
โดยทีมกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

อยู่ใกล้อ้อมน้อย หนองแขม กระทุ่มแบน หรือพุทธมณฑลสาย 4
สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที ไม่ต้องรอคิว


ดูข้อมูลศูนย์กุมารเวช 24 ชั่วโมง

ศูนย์กุมารเวช 24 ชั่วโมง รพ.วิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
โทร: 02-441-7899  หรือ1792
แผนที่: ใกล้พุทธมณฑล หนองแขม อ้อมน้อย
นัดหมายออนไลน์: Line