โรคไข้เลือดออกไม่ได้มีแค่ “ไข้” อย่างเดียว แต่มีระยะที่สำคัญซึ่งหากสังเกตไม่ทันอาจนำไปสู่ภาวะอันตราย โดยเฉพาะ “ระยะช็อก” ที่มักเกิดช่วงที่ไข้กำลังลดลง ซึ่งหลายคนเข้าใจผิดว่าอาการดีขึ้นแล้ว บทความนี้จะพาคุณเข้าใจลึกถึง 3 ระยะของไข้เลือดออก พร้อมแนวทางรับมือแบบไม่เสี่ยงชีวิต
ไข้เลือดออกมีกี่ระยะ?
โรคไข้เลือดออกแบ่งเป็น 3 ระยะหลัก ตามพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นในร่างกาย ได้แก่:
- ระยะไข้ (Febrile Phase)
- ไข้สูงเฉียบพลัน (38.5–40°C) ติดต่อกัน 2–7 วัน
- อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระบอกตา
- อาจมีผื่นขึ้นเล็กน้อย คลื่นไส้ เบื่ออาหาร
- ข้อควรระวัง: อย่าใช้ยาแอสไพรินหรือ ibuprofen เพราะเพิ่มความเสี่ยงเลือดออก
- ระยะวิกฤต หรือ “ระยะช็อก” (Critical Phase)
- มักเกิดในวันที่ 3–7 ของอาการไข้
- ไข้มัก “ลดลง” แต่ร่างกายเริ่มรั่วของพลาสมาออกนอกหลอดเลือด
- อาการที่พบบ่อย:
- ตัวเย็น มือเท้าเย็น
- ชีพจรเบา เร็ว
- ปัสสาวะน้อยลง
- ซึม ไม่เล่น ไม่พูด (ในเด็ก)
- เสี่ยงเกิด ภาวะช็อกจากไข้เลือดออก (Dengue Shock Syndrome) ซึ่งอาจทำให้หัวใจล้มเหลว หรืออวัยวะล้มเหลว
- จำเป็นต้องเฝ้าระวังใกล้ชิดในโรงพยาบาลเท่านั้น
- ระยะฟื้นตัว (Recovery Phase)
- ร่างกายดูดซึมของเหลวกลับเข้าสู่หลอดเลือด
- เด็กหรือผู้ใหญ่เริ่มมีความอยากอาหารมากขึ้น
- ผื่นอาจเด่นชัดขึ้น แต่โดยรวมอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ
วิธีสังเกตว่าเข้าสู่ระยะช็อกหรือไม่
ระยะช็อกมักเกิด หลังไข้ลด จึงหลอกตาคนดูแลเสมอ
สังเกต 5 สัญญาณอันตราย:
- ตัวเย็น มือเท้าเย็น เหงื่อออก
- ชีพจรเร็วแต่เบา
- เด็กซึมมาก ไม่ตอบสนอง หรือผู้ใหญ่พูดช้า
- ปัสสาวะลดลง (เด็กไม่ถ่ายปัสสาวะใน 6–8 ชม.)
- หน้าซีดริมฝีปากเขียว หรือเลือดออกผิดปกติ
หากพบ 2 ข้อขึ้นไป ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
หากเข้าสู่ระยะช็อก ควรทำยังไง?
- ห้ามให้ยาลดไข้เอง ควรอยู่ในดุลยพินิจแพทย์เท่านั้น
- ให้นอนราบ ไม่เดินเอง ลดการใช้พลังงาน
- ดื่มน้ำเกลือแร่หากยังรู้ตัว แต่หากอาเจียน/ซึม ควรงดน้ำรอพบแพทย์
- นำส่งโรงพยาบาลใกล้ที่สุดทันที โดยเฉพาะหากอยู่ในพื้นที่ที่มีบริการ 24 ชม.
ตรวจเลือดดูระยะได้ไหม?
สามารถใช้การตรวจ CBC (Complete Blood Count) เพื่อดู:
- เกล็ดเลือดต่ำ
- ฮีมาโตคริตสูง
- ความเข้มข้นของเลือดที่เพิ่มขึ้น เป็นตัวชี้ว่าร่างกายเริ่มเข้าสู่ระยะช็อก
แพทย์จะพิจารณาร่วมกับอาการเพื่อวางแผนการรักษา
ระยะช็อกของไข้เลือดออกนานกี่วัน?
โดยทั่วไป ระยะช็อกกินเวลา 1–2 วัน และถือเป็นช่วง “วิกฤต” ที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด 24 ชั่วโมง หากผ่านพ้นได้อย่างปลอดภัย อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นในระยะฟื้นตัว
FAQ – คำถามพบบ่อย
Q: ระยะของไข้เลือดออกแยกจากไข้ธรรมดายังไง?
A: ไข้เลือดออกมักไข้สูงต่อเนื่อง 2–7 วัน ร่วมกับอาการซึม ปวดกระบอกตา และจ้ำเลือด ซึ่งต่างจากไข้ทั่วไปที่มักหายเองภายใน 2–3 วัน
Q: ถ้าไข้ลดแล้ว ยังต้องพาไปโรงพยาบาลไหม?
A: ต้องพาไปโดยเฉพาะหากมีอาการตัวเย็น มือเท้าเย็น หรือปัสสาวะน้อย เพราะอาจเข้าสู่ระยะช็อกได้
Q: ตรวจเลือดทันทีจะรู้เลยไหมว่าเป็นระยะไหน?
A: การตรวจเลือดช่วยได้ แต่ต้องดูควบคู่กับอาการ แพทย์จะใช้ค่าเลือดเช่นเกล็ดเลือดและฮีมาโตคริตประกอบกัน
หากสงสัยว่าเข้าระยะช็อก อย่ารอ
ศูนย์อายุรกรรม และศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย พร้อมให้บริการดูแลผู้ป่วยไข้เลือดออกในทุกระยะ โดยเฉพาะ “ระยะวิกฤต” ที่ต้องมีแพทย์ดูแลใกล้ชิด 24 ชั่วโมง
📍 ใกล้อ้อมน้อย กระทุ่มแบน พุทธมณฑลสาย 4 หนองแขม เดินทางสะดวก ไม่ต้องเข้าเมือง
สามารถเข้ารับบริการตรวจและปรึกษาได้ที่
รพ.วิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
โทร: 02-441-7899 หรือ1792
แผนที่: ใกล้พุทธมณฑล – หนองแขม – อ้อมน้อย
นัดหมายออนไลน์: Line