G6PD หรือ “Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase deficiency” คือภาวะพร่องเอนไซม์ที่มีผลต่อการทำงานของเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายกว่าปกติหากได้รับสารกระตุ้น เช่น อาหารบางชนิด ยา หรือสารเคมีบางประเภท
โรคนี้มักตรวจพบตั้งแต่แรกเกิด และพบได้บ่อยในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง เนื่องจากถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบ X-linked recessive
G6PD มีอาการอย่างไรในเด็ก?
เด็กที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการจนกว่าจะได้รับสารกระตุ้น หลังได้รับสารกระตุ้นแล้ว อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
- ซีดลงอย่างรวดเร็ว
- ปัสสาวะมีสีเข้มคล้ายโค้ก
- ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน)
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร หรือซึม
- หายใจเร็วหรือหายใจหอบ (ในกรณีรุนแรง)
ในทารกแรกเกิดอาจแสดงออกด้วยภาวะตัวเหลืองเกินปกติ จึงควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
อ่านเพิ่มเติม
ทารกแรกเกิดตัวเหลือง อันตรายหรือเปล่า
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับเด็ก G6PD
อาหารบางชนิดมีสารออกซิแดนต์ที่กระตุ้นให้เม็ดเลือดแดงแตกในเด็กที่เป็น G6PD ดังนี้:
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง:
- ถั่วปากอ้า (Fava Bean) – ตัวกระตุ้นหลักของอาการรุนแรง
- ถั่วลันเตา ถั่วเหลือง ถั่วลิสง – อาจมีผลในบางราย
- อาหารหมักดองบางประเภท ที่มีสารฟีนอลหรือไนไตรต์
- ผลิตภัณฑ์ที่ใส่สีหรือวัตถุกันเสียบางชนิด
- โทนิควอเตอร์ (มีสารควินิน)
ยาที่ควรระวัง (เฉพาะแพทย์ควรสั่งเท่านั้น)
- ยากลุ่มซัลฟา
- ยาแอสไพริน (aspirin)
- ยารักษาไข้มาลาเรียบางชนิด
การวินิจฉัยและการติดตามอาการ
เด็กทุกคนในประเทศไทยจะได้รับการตรวจคัดกรอง G6PD ตั้งแต่แรกเกิด หากพบว่าพร่องเอนไซม์ แพทย์จะแนะนำการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ช่วงวัยทารก พร้อมให้ข้อมูลกับครอบครัวในการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
ควรพกการ์ดระบุว่าเป็น G6PD ทุกครั้งเมื่อต้องไปพบแพทย์หรือรับยา
แนวทางการดูแลลูกอย่างปลอดภัย
พ่อแม่ควรทำอย่างไร?
- อ่านฉลากอาหารทุกครั้ง เลี่ยงอาหารต้องห้าม
- หลีกเลี่ยงการใช้ลูกเหม็นหรือสารเคมีที่มีกลิ่นฉุนในบ้าน
- แจ้งครู/พี่เลี้ยงหรือผู้ดูแลให้ทราบว่าลูกเป็น G6PD
- สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ปัสสาวะเข้ม ตัวเหลือง เหนื่อยง่าย
- พาลูกไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น
สร้างความเข้าใจแก่คนรอบตัว
เพราะการรับประทานอาหารเพียงคำเดียว หรือการใช้ยาบางชนิด อาจเป็นอันตรายต่อเด็ก G6PD การมีส่วนร่วมของครอบครัวและคนใกล้ชิดจึงสำคัญ
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ G6PD ในเด็ก
Q: ลูกเป็น G6PD ต้องกินอาหารเสริมอะไรเพิ่มไหม?
A: ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องทานอาหารเสริมพิเศษ หากรับประทานอาหารครบ 5 หมู่และได้รับการดูแลจากแพทย์
Q: เด็ก G6PD เล่นกีฬา ออกกำลังกายได้ไหม?
A: ได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายเครียดเกินไป หรืออยู่ในภาวะติดเชื้อ เช่น ไข้หวัดรุนแรง
Q: G6PD รักษาหายไหม?
A: ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพราะเป็นภาวะทางพันธุกรรม แต่สามารถควบคุมอาการได้อย่างปลอดภัยหากดูแลถูกต้อง
Q: เด็กโตแล้ว G6PD จะหายไปไหม?
A: ไม่หาย แต่เด็กที่ได้รับการดูแลดีจะมีคุณภาพชีวิตปกติ ไม่มีอาการกำเริบ
สรุป
ภาวะ G6PD อาจดูซับซ้อน แต่สามารถจัดการได้หากพ่อแม่เข้าใจและดูแลอย่างเหมาะสม การหลีกเลี่ยงอาหารและยาต้องห้าม การแจ้งให้บุคคลรอบตัวรับรู้ และการพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติคือหัวใจของการดูแลเด็กที่มีภาวะนี้
หากลูกน้อยมีอาการผิดปกติ หรือมีภาวะ G6PD ต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม
พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเด็กได้ที่ ศูนย์กุมารเวช 24 ชั่วโมง โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อยให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด พร้อมดูแลอย่างอุ่นใจ ใกล้บ้านคุณ
เดินทางสะดวก ติดถนนเพชรเกษม – อ้อมน้อย
ดูข้อมูลศูนย์กุมารเวช 24 ชั่วโมง
ศูนย์กุมารเวช 24 ชั่วโมง
โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
โทร: 02-441-7899 หรือ1792
แผนที่: ใกล้พุทธมณฑล – หนองแขม – อ้อมน้อย
นัดหมายออนไลน์: Line