ธาลัสซีเมียอยู่ได้กี่ปี? โรคนี้อันตรายแค่ไหน ดูแลตัวเองอย่างไรให้อยู่ได้ยืนยาว

บทความโดย
นพ.สุเมธ ตติรณสวัสดิ์
แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์โรคเลือด

ธาลัสซีเมีย (Thalassemia) เป็นโรคเลือดที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งส่งผลต่อการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ผู้ป่วยธาลัสซีเมียมีระดับฮีโมโกลบินต่ำกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการโลหิตจางเรื้อรัง หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ แต่หากได้รับการรักษาและดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี ก็สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีอายุยืนยาวได้

ธาลัสซีเมียคืออะไร?

โรคธาลัสซีเมียเกิดจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการสร้างฮีโมโกลบิน แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ:

  • ชนิดพาหะ (Thalassemia trait): มักไม่แสดงอาการรุนแรง แต่สามารถถ่ายทอดยีนให้ลูกหลานได้
  • ชนิดป่วย (Thalassemia disease): แสดงอาการชัดเจน ต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น การให้ยาบำรุง การให้เลือด การให้ยาขับเหล็ก การตัดม้าม การปลูกถ่ายไขกระดูก และการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด

อาการของโรคธาลัสซีเมีย

ผู้ป่วยอาจมีอาการแตกต่างกันขึ้นกับชนิดของโรค เช่น:

  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
  • ผิวซีด ตัวเหลือง ตาเหลือง
  • หน้าผากโหนก กระดูกใบหน้าเปลี่ยนแปลง
  • ม้ามโต ตับโต

โรคธาลัสซีเมียอยู่ได้กี่ปี?

คำถามที่พบบ่อยคือ “คนเป็นธาลัสซีเมียอยู่ได้กี่ปี?” คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคและการดูแลรักษา หากได้รับการวินิจฉัยเร็ว รักษาอย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด:

  • ชนิดรุนแรงที่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม: อยู่ได้ถึงวัยผู้ใหญ่ และมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงคนทั่วไป
  • ชนิดพาหะ: อยู่ได้ตามปกติ ไม่มีผลต่ออายุขัย
  • กรณีไม่ได้รับการรักษา: มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวใจวาย ติดเชื้อ ตับวาย ซึ่งอาจทำให้อายุสั้นลง

ธาลัสซีเมียอันตรายไหม?

ธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงหากไม่ได้รับการดูแลที่ดี อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย เช่น:

  • ภาวะเหล็กเกินในร่างกาย จากการรับเลือดบ่อยครั้ง
  • หัวใจล้มเหลว จากภาวะโลหิตจางเรื้อรัง
  • ตับและไตทำงานผิดปกติ
  • ติดเชื้อบ่อย เพราะภูมิคุ้มกันต่ำ

แต่ปัจจุบันการแพทย์สามารถควบคุมโรคนี้ได้ดีมาก เมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาที่เหมาะสม

ดูแลตัวเองอย่างไรให้อยู่ได้ยืนยาว

การดูแลตนเองอย่างเหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการยืดอายุผู้ป่วยธาลัสซีเมีย:

  1. พบแพทย์และติดตามอาการสม่ำเสมอ
    โดยเฉพาะแพทย์เฉพาะทางด้านโรคเลือด ที่สามารถประเมินอาการและแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลได้
  2. การให้เลือดและขับธาตุเหล็กตามคำสั่งแพทย์
    เพื่อป้องกันภาวะเหล็กสะสมในร่างกายซึ่งส่งผลต่อหัวใจและตับ
  3. เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เครื่องในสัตว์
  • เสริมโฟเลตและวิตามินบี เพื่อเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดง
  1. ระวังการติดเชื้อ
    รักษาความสะอาด ล้างมือบ่อย ๆ และฉีดวัคซีนตามคำแนะนำของแพทย์
  2. วางแผนครอบครัวอย่างรู้เท่าทัน
    กรณีเป็นพาหะ ควรได้รับคำปรึกษาทางพันธุกรรมก่อนมีบุตร

บทความที่เกี่ยวข้อง โรคเลือดคืออะไร อาการแบบไหนต้องรีบพบแพทย์  

FAQ: คำถามที่พบบ่อย

Q: โรคธาลัสซีเมียอยู่ได้กี่ปี?
A:
ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคและการดูแล หากดูแลอย่างเหมาะสมสามารถมีชีวิตยืนยาวได้ใกล้เคียงคนปกติ

Q: ธาลัสซีเมียอันตรายไหม?
A:
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

Q: ธาลัสซีเมียดูแลตัวเองอย่างไร?
A:
ควรพบแพทย์เป็นประจำ การให้เลือดตามนัด เลือกกินอาหารที่ไม่เพิ่มภาวะเหล็กเกิน และป้องกันการติดเชื้อ

Q: โรคธาลัสซีเมียห้ามกินอะไร?
A:
อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ ไข่แดง หอยลาย เครื่องในสัตว์

Q: ธาลัสซีเมียคือมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือไม่?
A:
ไม่ใช่ ธาลัสซีเมียคือโรคโลหิตจางจากพันธุกรรม ไม่ใช่โรคมะเร็ง

หากคุณหรือคนในครอบครัวมีอาการสงสัยว่าอาจเป็นธาลัสซีเมีย
ขอแนะนำให้เข้ารับการตรวจเลือด วินิจฉัย และรับคำปรึกษากับแพทย์เฉพาะทาง

ศูนย์อายุรกรรม Premium 24 ชั่วโมง โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย พร้อมดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางโรคเลือด นพ.สุเมธ ตติรณสวัสดิ์

 

นัดหมาย นพ.สุเมธ ตติรณสวัสดิ์ ได้ที่:
ศูนย์อายุรกรรม Premium 24 ชั่วโมง
โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
โทร: 02-441-7899  หรือ1792
แผนที่: ใกล้พุทธมณฑล – หนองแขม – อ้อมน้อย
นัดหมายออนไลน์: Line