ทำความเข้าใจและแนวทางการรักษาที่ศูนย์ศัลยกรรมพลาสติก โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
บทความโดย
นพ.สันติ กุลาดี
แพทย์ประจำศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง
คีลอยด์คืออะไร ทำไมพบบ่อยที่บริเวณติ่งหู?
คีลอยด์ (Keloid) คือ แผลเป็นชนิดหนึ่งที่นูนแข็ง ขยายตัวเกินขอบเขตแผลเดิม เกิดจากการที่ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อมากเกินความจำเป็นระหว่างการสมานแผล อาจมีสีแดง ชมพู หรือคล้ำ และอาจมีอาการคันหรือเจ็บร่วมด้วย
ทำไมบริเวณติ่งหูจึงเกิดคีลอยด์ได้ง่าย?
- การเจาะหู: สร้างบาดแผลขนาดเล็กแต่ลึก ทำให้เกิดคีลอยด์ได้ง่าย
- ความตึงของผิวหนัง
- พันธุกรรม: ผู้ที่มีประวัติคีลอยด์ในครอบครัวมีแนวโน้มเป็นมากกว่าคนทั่วไป
- การติดเชื้อ: แผลเจาะหูที่อักเสบเพิ่มความเสี่ยงเกิดคีลอยด์
จากภาพจะเห็นได้ว่าก่อนการรักษา มีก้อนคีลอยด์ขนาดใหญ่และนูนชัดเจนที่ติ่งหู ซึ่งส่งผลต่อความสวยงามและความมั่นใจของผู้ป่วยอย่างมาก
อาการของคีลอยด์ที่ติ่งหูและหลังใบหู
- เป็นก้อนเนื้อนูนจากผิวหนัง
- อาจมีสีแตกต่างจากผิวเดิม เช่น แดง ชมพู หรือคล้ำ
- อาจคัน เจ็บ หรือระคายเคือง
- มักขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และไม่ยุบหายเอง
แนวทางการรักษาคีลอยด์
ที่ศูนย์ศัลยกรรมพลาสติก รพ.วิชัยเวชฯ อ้อมน้อย การรักษาคีลอยด์ต้องอาศัยการประเมินจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับขนาด ลักษณะ และประวัติของผู้ป่วย โดยอาจใช้หลายวิธีร่วมกัน ดังนี้:
- การผ่าตัด
- ใช้ในกรณีที่คีลอยด์ขนาดใหญ่ ต้องการนำก้อนออก
- มักใช้ร่วมกับการฉีดสเตียรอยด์ และแผ่นซิลิโคนกดทับแผลหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ
- การฉีดสเตียรอยด์
- เหมาะกับคีลอยด์ขนาดเล็ก หรือหลังผ่าตัด
- ช่วยยับยั้งการสร้างคอลลาเจน ลดขนาดก้อนคีลอยด์ และอาการคัน
- มักต้องฉีดซ้ำทุก 3–4 สัปดาห์
- การใช้แผ่นซิลิโคนเจล / แผ่นกดทับ
- ช่วยให้แผลนิ่ม เรียบ และลดการเกิดซ้ำ
- เลเซอร์ (Laser Therapy)
- ลดสีแดง หรือทำให้แผลเรียบขึ้นในบางราย
ภาพผลลัพธ์หลังรักษา จากเคสจริง แสดงให้เห็นว่าหลังการรักษาคีลอยด์ติ่งหูด้วยวิธีผ่าตัดร่วมกับการฉีดสเตียรอยด์ต่อเนื่อง ก้อนนูนยุบลง ผิวเรียบเนียน และลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้จริง
ข้อควรรู้และคำแนะนำจากแพทย์
- คีลอยด์มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ หากไม่ดูแลหลังผ่าตัดอย่างเหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการเจาะหูหากมีประวัติเป็นคีลอยด์
- หากมีอาการคัน เจ็บ หรือนูนผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: คีลอยด์ที่ติ่งหูสามารถหายขาดได้ไหม?
A: คีลอยด์ไม่สามารถหายขาดได้ แต่สามารถรักษาให้ยุบตัวลงได้ และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำได้ด้วยการผ่าตัดร่วมกับการฉีดสเตียรอยด์และดูแลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้แผ่นซิลิโคน
Q: คีลอยด์ต่างจากแผลเป็นนูนทั่วไปอย่างไร?
A: แผลเป็นนูนทั่วไปมักหยุดขยายเมื่อแผลสมานดีแล้ว แต่คีลอยด์จะลุกลามและขยายเกินขอบเขตแผลเดิมอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสเป็นซ้ำสูง และมักมาพร้อมอาการคันหรือระคายเคือง
Q: การเจาะหูแล้วเกิดคีลอยด์ ป้องกันได้อย่างไร?
A: ผู้ที่มีประวัติเป็นคีลอยด์หรือมีคนในครอบครัวเป็น ควรหลีกเลี่ยงการเจาะหู หากจำเป็นต้องเจาะ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน หรือดูแลแผลอย่างใกล้ชิด และติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
Q: หากไม่รักษาคีลอยด์ จะเป็นอันตรายไหม?
A: โดยทั่วไปคีลอยด์ไม่ใช่เนื้อร้ายหรือมะเร็ง แต่หากปล่อยไว้อาจขยายใหญ่ ทำให้เจ็บ คัน และรบกวนความมั่นใจ รวมถึงเป็นอุปสรรคต่อการใส่เครื่องประดับหรือหน้าที่การงานในบางคน
Q ใช้เลเซอร์รักษาคีลอยด์ให้หายได้ไหม?
A: เลเซอร์ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและลดรอยแดงของคีลอยด์ได้ในบางราย แต่ไม่สามารถกำจัดคีลอยด์ทั้งหมดได้ มักใช้ร่วมกับวิธีอื่น เช่น การฉีดสเตียรอยด์ หรือผ่าตัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ปรึกษาศูนย์ศัลยกรรมพลาสติก รพ.วิชัยเวชฯ อ้อมน้อย ที่ศูนย์ศัลยกรรมพลาสติก รพ.วิชัยเวชฯ อ้อมน้อย มีทีมแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญในการรักษาคีลอยด์โดยเฉพาะ พร้อมประเมิน ออกแบบ และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้คุณกลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้ง
ศูนย์ศัลยกรรมพลาสติก โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
ดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ใกล้บ้านคุณ
โทร: 02-441-7899 หรือ 1792
📍แผนที่: ใกล้พุทธมณฑล – หนองแขม – อ้อมน้อย
📲 นัดหมายออนไลน์ผ่าน LINE คลิกที่นี่