ไอกรน โรคติดเชื้ออันตราย ใครบ้างเสี่ยง รีบฉีดวัคซีน

หลังจากที่มีข่าวว่าโรคไอกรน กลับมาระบาดในเด็กเล็ก การฉีดวัคซีน จึงถูกพูดถึงว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคไอกรน ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่สามารถทำให้เกิดอาการไอรุนแรงและต่อเนื่อง จนอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง โดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็ก แต่ผู้ใหญ่ก็อย่าชะล่าใจ! โรคนี้ไม่ได้มีแค่ในเด็ก ผู้ใหญ่ก็เป็นได้ แถมยังแพร่เชื้อได้ง่ายอีกด้วย!

โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย ห่วงใยคุณและคนที่คุณรัก จึงอยากแนะนำวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค ลดความรุนแรงของโรค และป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนรอบข้างได้

วัคซีนป้องกันไอกรนมีกี่ประเภท?

วัคซีนป้องกันไอกรนแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ วัคซีน DTaP ซึ่งเหมาะสำหรับเด็กเล็ก และ วัคซีน Tdap ที่เหมาะสำหรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ วัคซีนทั้งสองชนิดนี้ยังช่วยป้องกันโรคคอตีบและบาดทะยักด้วย

ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันไอกรน?

  1. เด็กทารกและเด็กเล็ก: เด็กควรได้รับวัคซีน DTaP จำนวน 5 เข็ม ตามกำหนดตั้งแต่อายุ 2 เดือน, 4 เดือน, 6 เดือน, 15-18 เดือน และ 4-6 ปี เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงและป้องกันการติดเชื้อ
  2. วัยรุ่นและผู้ใหญ่: ควรได้รับวัคซีน Tdap จำนวน 1 เข็ม เมื่ออายุ 11-12 ปี และสามารถฉีดเพิ่มเติมในวัยผู้ใหญ่ได้ หากยังไม่เคยได้รับวัคซีนนี้มาก่อน
  3. หญิงตั้งครรภ์: แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ฉีดวัคซีน Tdap จำนวน 1 เข็ม ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ เพื่อให้ภูมิคุ้มกันส่งต่อไปยังทารก ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคไอกรนในช่วงแรกเกิด
  4. ผู้ดูแลทารก ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับเด็กเล็ก และสมาชิกครอบครัว: ผู้ที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับทารกแรกเกิด หรือเด็กเล็ก ควรได้รับวัคซีน Tdap จำนวน 1 เข็ม เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ทารกที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
  5. ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว : เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อน

ทำไมการฉีดวัคซีนป้องกันไอกรนจึงสำคัญ?

ไอกรนเป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายได้ง่ายผ่านละอองฝอยในอากาศจากการไอหรือจาม หากไม่ฉีดวัคซีน ผู้ที่ติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล โดยเฉพาะในทารกที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น การได้รับวัคซีนจึงเป็นการปกป้องทั้งตัวเราเองและผู้อื่นจากการแพร่กระจายเชื้อ

การป้องกันตัวเองและครอบครัวจากไอกรน

การฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคไอกรน นอกจากนั้น ควรรักษาสุขอนามัย เช่น การล้างมือบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการไอหรือจาม เพื่อช่วยลดโอกาสการติดเชื้อและการแพร่กระจายของโรค

คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไอกรน

  1. วัคซีนไอกรนปลอดภัยหรือไม่?
    • วัคซีนป้องกันไอกรนได้รับการรับรองว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ผลข้างเคียงที่พบมักเป็นอาการเล็กน้อย เช่น บวมแดงหรือปวดบริเวณที่ฉีด
  2. ทำไมต้องฉีดวัคซีน Tdap ในหญิงตั้งครรภ์?
    • การฉีดวัคซีน Tdap ในหญิงตั้งครรภ์จะช่วยส่งภูมิคุ้มกันไปยังทารก ซึ่งจะช่วยป้องกันไอกรนในช่วงแรกเกิดที่ยังไม่สามารถรับวัคซีนได้
  3. ถ้าเคยได้รับวัคซีน Tdap มาแล้ว ต้องฉีดซ้ำหรือไม่?
    • วัคซีน Tdap ควรฉีดซ้ำทุก 10 ปีสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อให้คงประสิทธิภาพในการป้องกันโรค
  4. สามารถฉีดวัคซีนไอกรนพร้อมกับวัคซีนอื่นได้หรือไม่?
    • ใช่ วัคซีนไอกรนสามารถฉีดร่วมกับวัคซีนอื่นได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
  5. ใครที่ไม่ควรฉีดวัคซีนไอกรน?
    • ผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงต่อส่วนประกอบของวัคซีนหรือเคยมีอาการแพ้รุนแรงจากการฉีดวัคซีนเข็มก่อน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับการฉีดวัคซีน

วัคซีนป้องกันไอกรนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในเด็กเล็กและหญิงตั้งครรภ์ การฉีดวัคซีนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคและช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ อย่าลืมตรวจสอบและปฏิบัติตามตารางการฉีดวัคซีน เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองและคนที่คุณรัก

วัคซีนป้องกันโรคไอกรน ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

อย่ารอให้สายเกินไป! ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่
โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล อ้อมน้อย

โทร. 063 273 5936 , 02 441 7889 หรือ 1792