ทำไมต้อง Stroke Fast Track? เปิดเบื้องหลังระบบช่วยชีวิต…เมื่อสมองขาดเลือด

โดย นพ.วิศิษฎ์ ลีลาศวัฒนกิจ
แพทย์อายุรกรรมระบบประสาท

โรคหลอดเลือดสมอง: ภัยเงียบที่ต้องแข่งกับเวลา
ลองจินตนาการว่าคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังใช้ชีวิตปกติ แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึก พูดไม่ชัด แขนข้างหนึ่งอ่อนแรง หรือเดินเซไปโดยไม่มีสาเหตุ หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่อาการเหนื่อยล้า แต่จริง ๆ แล้วนี่อาจเป็น สัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)  ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบเข้ารับการรักษาโดยด่วน เพราะหากช้าไปเพียงไม่กี่นาที ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล

เวลาคือสมอง: ทุกนาทีที่เสียไปคือเซลล์สมองที่ตายไป
เมื่อสมองขาดเลือดไปเลี้ยง เซลล์สมองจะเริ่มตายภายในไม่กี่นาที และยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไร ความเสียหายก็ยิ่งรุนแรงขึ้น หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เช่น การให้ยาละลายลิ่มเลือดภายใน 4.5 ชั่วโมงแรก หรือ การทำหัตถการเปิดหลอดเลือดภายใน 6-24 ชั่วโมง โอกาสฟื้นตัวของผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

Stroke Fast Track คืออะไร?
Stroke Fast Track เป็นระบบการรักษาแบบเร่งด่วนสำหรับผู้ป่วย โรคหลอดเลือดสมอง โดยออกแบบมาให้การวินิจฉัยและการรักษาเกิดขึ้นเร็วที่สุด ตั้งแต่ จุดที่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการ ไปจนถึง การรักษาในโรงพยาบาล ระบบนี้ช่วยลดเวลาการรอคอยและการวินิจฉัย เพื่อให้สมองได้รับเลือดกลับมาเร็วที่สุด และลดความเสียหายของสมอง

กระบวนการ Stroke Fast Track ทำงานอย่างไร?
การคัดกรองตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อลักษณะอาการของผู้ป่วยเข้าข่าย โรคหลอดเลือดสมอง ญาติหรือบุคคลใกล้ชิดสามารถ โทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน (1669) เพื่อขอความช่วยเหลือได้ทันที ทีมแพทย์ฉุกเฉินจะใช้ หลักการ BEFAST เพื่อประเมินอาการเบื้องต้น

  • F (Face Drooping) – หน้าบิดเบี้ยว ยิ้มแล้วมุมปากตก
  • A (Arm Weakness) – แขนขาอ่อนแรง ยกแขนแล้วตก
  • S (Speech Difficulty) – พูดไม่ชัด พูดติดขัด
  • T (Time to Call 1669) – โทรแจ้งเหตุฉุกเฉินทันที

หากสงสัยว่าเป็น โรคหลอดเลือดสมอง ทีมแพทย์จะรีบ ส่งตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่มีระบบ Stroke Fast Track ทันที

การเตรียมพร้อมก่อนถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์ฉุกเฉินจะแจ้งไปยังโรงพยาบาลล่วงหน้า เพื่อให้ทีมรักษาเตรียมพร้อม ตั้งแต่ก่อนผู้ป่วยมาถึง เช่น

  • เตรียมห้องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
  • จัดทีมแพทย์เฉพาะทางโรคหลอดเลือดสมอง

การวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์จะรีบตรวจภาพสมองทันที เพื่อตรวจสอบว่าเป็น ภาวะสมองขาดเลือด หรือ ภาวะสมองมีเลือดออก เนื่องจากแนวทางการรักษาของทั้งสองกรณีแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เครื่องมือวินิจฉัยที่สำคัญ ได้แก่

CT Scan – ตรวจหาเลือดออกในสมอง
MRI Brain – ตรวจหาภาวะสมองขาดเลือด
CT Angiography (CTA) หรือ MR Angiography (MRA) – ตรวจดูภาวะอุดตันของหลอดเลือด

การรักษาอย่างทันท่วงที หลังจากวินิจฉัยแล้ว แพทย์จะให้การรักษาตามประเภทของโรคหลอดเลือดสมอง

กรณีสมองขาดเลือด (Ischemic Stroke)

  • แพทย์อาจพิจารณาให้ยาละลายลิ่มเลือด (IV-rtPA) ภายใน 4.5 ชั่วโมงแรก
  • ทำหัตถการดึงลิ่มเลือดออก (Mechanical Thrombectomy) ในกรณีที่มีการอุดตันของหลอดเลือดใหญ่

กรณีสมองมีเลือดออก (Hemorrhagic Stroke)

  • ควบคุมความดันโลหิต
  • อาจต้องทำการผ่าตัดเพื่อลดความดันในสมอง

การฟื้นฟูและติดตามผล หลังจากผ่านพ้นภาวะฉุกเฉินแล้ว ผู้ป่วยจะต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู ได้แก่

กายภาพบำบัด – ฟื้นฟูกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหว
การฝึกพูด – สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร
การปรับพฤติกรรม – เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดซ้ำ

ทำไม Stroke Fast Track ถึงสำคัญ?
-ลดเวลาในการรักษา จากที่เคยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะได้รับการรักษา ระบบ Stroke Fast Track ช่วยลดเวลาเหลือเพียงไม่กี่นาที
-เพิ่มโอกาสฟื้นตัว ยิ่งได้รับการรักษาเร็ว สมองก็ยิ่งฟื้นตัวได้ดีขึ้น และลดอัตราการพิการในระยะยาว
-ลดอัตราการเสียชีวิตและความพิการ การรักษาเร็วช่วยลดความเสียหายของสมอง ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติที่สุด

Stroke Fast Track: ระบบช่วยชีวิตที่ต้องรู้
Stroke Fast Track คือระบบเร่งด่วนที่ช่วยให้การรักษาโรคหลอดเลือดสมองเกิดขึ้นเร็วที่สุด ทุกนาทีที่ผ่านไปคือเซลล์สมองที่เสียหาย ดังนั้น หากพบอาการที่สงสัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมอง อย่ารอช้า รีบไปโรงพยาบาลที่มีระบบนี้ให้เร็วที่สุด

เพราะเวลาเพียงไม่กี่นาที อาจหมายถึงโอกาสรอดชีวิตและคุณภาพชีวิตในอนาคต

ติดต่อ ศูนย์ระบบโรคหลอดเลือดสมอง 
รพ. วิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
โทร. 02-441-7899 หรือ 1792
หรือติดต่อได้ผ่านช่องทาง 
Line
หรือสามารถตรวจเช็ค 
ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษาได้เลยค่ะ