โดย พญ.ธันยธร พิสิฐบัณฑูรย์
กุมารแพทย์โรคภูมิพ้และระบบภูมิคุ้มกัน
โรคภูมิแพ้ในเด็ก: หายเองได้จริงหรือ?
พ่อแม่หลายคนอาจเคยได้ยินว่า “โตไปเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” เมื่อพูดถึงโรคภูมิแพ้ในเด็ก แต่คำถามคือ จริงหรือไม่? หรือเป็นเพียงความเข้าใจผิดที่ทำให้หลายครอบครัวไม่ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกที่เป็นภูมิแพ้อย่างถูกต้อง หากลูกน้อยมีอาการภูมิแพ้ พ่อแม่ควรหวังให้หายเอง หรือควรทำอะไรเพิ่มเติม? มาหาคำตอบกัน
โรคภูมิแพ้ในเด็กมีอะไรบ้าง?
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า “ภูมิแพ้” มีหลายแบบ และแต่ละแบบมีแนวโน้มในการหายหรือคงอยู่ไปตลอดชีวิตที่แตกต่างกัน ตัวอย่างของโรคภูมิแพ้ในเด็กที่พบบ่อย ได้แก่
- ภูมิแพ้อาหาร เช่น การแพ้นมวัว ไข่ ถั่วลิสง อาหารทะเล
- ภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) หรือที่เรียกกันว่า ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
- ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เช่น โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (แพ้ฝุ่น ไรฝุ่น ละอองเกสร) และโรคหืด
โรคภูมิแพ้ชนิดไหนมีโอกาสหายเองเมื่อโตขึ้น?
1. ภูมิแพ้อาหาร – มีโอกาสหายเมื่อโตขึ้น
เด็กที่แพ้อาหารบางชนิด เช่น นมวัว ไข่ หรือถั่วเหลือง มักจะสามารถกลับมากินได้ตามปกติเมื่อโตขึ้น เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถปรับตัวได้ งานวิจัยพบว่า
- เด็กที่แพ้นมวัวหรือไข่ ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นเมื่ออายุ 3-5 ปี
- การแพ้ถั่วลิสง อาหารทะเล หรือถั่วเปลือกแข็ง (อัลมอนด์ วอลนัท) มักจะเป็นไปตลอดชีวิต
2. ภูมิแพ้ผิวหนัง – อาการดีขึ้นเมื่อโตขึ้น แต่ต้องดูแลต่อเนื่อง
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง มักเริ่มตั้งแต่ทารก และอาการมักลดลงเมื่อเด็กโตขึ้น โดยเฉพาะในวัยเรียนหรือวัยรุ่น อย่างไรก็ตาม เด็กบางคนอาจยังคงมีผิวที่ไวต่อการระคายเคืองไปจนโต ดังนั้นการดูแลผิวให้ชุ่มชื้นและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นยังคงเป็นสิ่งสำคัญ
3. ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ – มักอยู่กับเรานานและต้องดูแลต่อเนื่อง
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (แพ้ฝุ่น ไรฝุ่น ขนสัตว์) และโรคหืด มักเป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลระยะยาว และบางคนอาจมีอาการต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ แต่ข่าวดีคือ อาการสามารถควบคุมได้ หากได้รับการดูแลที่เหมาะสม เช่น การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น และการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกจะหายจากภูมิแพ้หรือไม่?
เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการของระบบภูมิคุ้มกันและการตอบสนองต่อภูมิแพ้ที่แตกต่างกัน หากพ่อแม่สงสัยว่าลูกจะหายจากภูมิแพ้หรือไม่ ควรติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง และควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจภูมิแพ้เป็นระยะ
การตรวจภูมิแพ้ สามารถช่วยให้พ่อแม่ทราบว่า:
- ลูกแพ้อะไร และสิ่งใดที่ต้องหลีกเลี่ยง
- อาการแพ้ของลูกมีแนวโน้มดีขึ้นหรือไม่
- มีโอกาสที่จะหายจากภูมิแพ้เมื่อโตขึ้นหรือไม่
วิธีตรวจภูมิแพ้ที่แนะนำ
- การทดสอบทางผิวหนัง (Skin Prick Test) – หยดสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิวแล้วดูปฏิกิริยา เป็นวิธีที่รวดเร็วและแม่นยำ
- การตรวจเลือด (Specific IgE Test) ตรวจหาแอนติบอดี IgE ที่ตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ เหมาะสำหรับเด็กที่มีผิวแพ้ง่าย
- การทดสอบโดยการรับประทานอาหาร (Oral Food Challenge) – ใช้ในกรณีที่สงสัยว่าลูกแพ้อาหารบางชนิด โดยให้กินทีละนิดภายใต้การดูแลของแพทย์
พ่อแม่ควรทำอย่างไร?
แม้ว่าภูมิแพ้บางชนิดอาจหายเองเมื่อโตขึ้น แต่การดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่เด็กสามารถช่วยให้อาการดีขึ้น และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้ สิ่งที่พ่อแม่สามารถทำได้ ได้แก่
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ฝุ่น อาหาร หรืออากาศแห้ง
- ดูแลสุขภาพผิวและระบบหายใจของลูกให้ดี โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- หากลูกแพ้อาหาร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนลองให้กินอาหารชนิดนั้นอีกครั้ง
- ติดตามอาการของลูกอย่างสม่ำเสมอ และพาไปตรวจภูมิแพ้หากไม่แน่ใจ
สรุป: โรคภูมิแพ้ในเด็ก หายเองได้หรือไม่?
- ภูมิแพ้อาหารบางชนิด (เช่น นมวัว ไข่) อาจหายเองเมื่อโตขึ้น แต่บางชนิด เช่น ถั่วลิสง อาหารทะเล อาจเป็นไปตลอดชีวิต
- ภูมิแพ้ผิวหนังมีแนวโน้มดีขึ้นในวัยเรียนหรือวัยรุ่น แต่ยังต้องดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง
- ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ (แพ้ฝุ่น โรคหืด) มักต้องได้รับการดูแลระยะยาว แต่สามารถควบคุมอาการได้
โรคภูมิแพ้ในเด็กอาจเป็นเรื่องที่พ่อแม่กังวล แต่หากได้รับการดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถช่วยให้ลูกมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากสงสัยว่าลูกแพ้อะไร ควร ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้แน่ใจว่าลูกได้รับการดูแลที่ดีที่สุด
คลินิกกุมารเวช 24 ชั่วโมง
รพ. วิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
โทร. 02-441-7899 หรือ 1792
หรือติดต่อได้ผ่านช่องทาง Line
หรือสามารถตรวจเช็ค ตารางแพทย์ออกตรวจ เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษาได้เลยค่ะ