บทความโดย
นพ.สันติ กุลาดี
แพทย์ประจำศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง
คีลอยด์คืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร?
คีลอยด์ (Keloid) คือแผลเป็นชนิดหนึ่งที่มีลักษณะนูน อาจมีสีเหมือนผิวปกติ หรือแดง หรือคล้ำกว่าผิวหนัง และมักขยายเกินขอบเขตของแผลเดิม เกิดจากการสร้างคอลลาเจนมากเกินไปในระหว่างการสมานแผล ซึ่งพบได้บ่อยบริเวณใบหู หน้าอก หลัง และหัวไหล่
หลักการเลือกวิธีรักษาคีลอยด์
การรักษาคีลอยด์ไม่มีวิธีใดที่ได้ผล 100% แต่การเลือกวิธีที่เหมาะสมสามารถลดขนาดคีลอยด์ ลดอาการคันหรือปวด และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำได้ โดยแพทย์จะประเมินจาก:
- ขนาดและตำแหน่งของคีลอยด์
- ระยะเวลาที่เป็น
- ประวัติการรักษาก่อนหน้า
- ปัจจัยเสี่ยงต่อการกลับมาเป็นซ้ำ
เปรียบเทียบวิธีรักษาคีลอยด์แต่ละแบบ
- การฉีดยาสเตียรอยด์
- เหมาะกับคีลอยด์ขนาดเล็ก-กลาง หรือใช้ร่วมกับวิธีอื่นหลังผ่าตัด
- ช่วยลดการอักเสบ ลดอาการคัน และทำให้ก้อนคีลอยด์นิ่มลง
- มักต้องฉีดต่อเนื่องทุก 3-4 สัปดาห์ จนกว่าจะยุบลง
- ผลข้างเคียง: อาจทำให้ผิวบาง รอยบุ๋ม หรือผิวซีดในบางราย
- การผ่าตัดเอาคีลอยด์ออก
- เหมาะกับคีลอยด์ขนาดใหญ่ หรือรบกวนการใช้ชีวิต
- สามารถกำจัดก้อนคีลอยด์ได้โดยตรง
- มักต้องใช้วิธีเสริม เช่น การฉีดยา หรือแผ่นซิลิโคนกดทับ เพื่อลดโอกาสเกิดซ้ำ
- ผลข้างเคียง: โอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูง หากไม่มีการดูแลหลังผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง
- การรักษาด้วยเลเซอร์
- เหมาะกับคีลอยด์ที่มีสีแดงคล้ำ ต้องการให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- ช่วยลดรอยแดง ทำให้แผลเป็นดูดีขึ้น
- อาจใช้ร่วมกับวิธีอื่น เช่น การฉีดยา
- ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง
แผลคีลอยด์ รักษาวิธีไหนดี?
การเลือกวิธีรักษาคีลอยด์ต้องอิงจากหลายปัจจัย ทั้งตำแหน่ง ขนาด ระยะเวลา และประวัติการกลับมาเป็นซ้ำ โดยแนวทางสรุปแบบง่ายคือ:
ลักษณะคีลอยด์ | วิธีรักษาที่แนะนำ | หมายเหตุ |
ขนาดเล็ก / เริ่มต้น | ฉีดยาสเตียรอยด์ | ยุบเร็ว เห็นผลไว แต่ต้องทำต่อเนื่อง |
ขนาดกลาง / ดื้อยา | ฉีดร่วมเลเซอร์ หรือจี้เย็น | เพิ่มโอกาสยุบ ลดรอยแดง |
ขนาดใหญ่ / เป็นซ้ำ | ผ่าตัดร่วมฉีด + แผ่นซิลิโคน | ต้องติดตามผลระยะยาว |
รู้ทัน! สาเหตุและการป้องกันคีลอยด์
สาเหตุหลักของคีลอยด์:
- บาดแผลที่หายช้า / ติดเชื้อ
- เจาะหู ผ่าตัด หรืออุบัติเหตุที่ผิวหนัง
- พันธุกรรม (มีคนในครอบครัวเคยเป็น)
แนวทางป้องกัน:
- หลีกเลี่ยงการเจาะหู หากมีประวัติคีลอยด์
- ดูแลแผลให้สะอาด หลีกเลี่ยงการเกา
- หากเคยเป็นคีลอยด์ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำหัตถการ
- ใช้แผ่นซิลิโคนเจลหรือแผ่นกดทับในระยะฟื้นฟูหลังผ่าตัด
วิธีใดเหมาะกับใคร?
- ถ้าคีลอยด์ขนาดเล็ก เริ่มต้นด้วยการฉีดสเตียรอยด์อาจเพียงพอ
- ถ้าเคยฉีดยาแล้วไม่ดีขึ้น หรือก้อนใหญ่ อาจต้องผ่าตัดร่วมกับการฉีดยาและแผ่นกดทับ
- ถ้าเน้นความเรียบเนียนของผิว อาจใช้เลเซอร์ควบคู่
ดูแลตัวเองหลังรักษาคีลอยด์อย่างไร?
- หลีกเลี่ยงการแกะเกาบริเวณแผล
- ใช้แผ่นซิลิโคนหรือแผ่นกดตามแพทย์สั่ง
- พบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผล
- หลีกเลี่ยงการเจาะหูหรือหัตถการซ้ำในบริเวณเดิม
บทความที่เกี่ยวข้อง
บอกลาคีรอยด์ที่ติ่งหูและหลังใบหู
FAQ คำถามที่พบบ่อย
Q: คีลอยด์หายขาดได้ไหม?
A: คีลอยด์ไม่สามารถหายขาด 100% ได้ในทันที แต่สามารถควบคุมให้ยุบและไม่กลับมาเป็นซ้ำได้ ด้วยวิธีการรักษาและการดูแลอย่างเหมาะสม
Q: ผ่าตัดคีลอยด์แล้ว จะกลับมาเป็นซ้ำไหม?
A: มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้สูงหากไม่มีการฉีดยาหรือกดทับหลังผ่าตัด แนะนำให้พบแพทย์เฉพาะทางเพื่อติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
Q: ฉีดสเตียรอยด์แล้วเจ็บไหม?
A: การฉีดอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่เป็นระยะสั้น และมักมีประสิทธิภาพในการลดขนาดคีลอยด์
หากคุณกำลังเผชิญปัญหาคีลอยด์ ไม่ว่าจะที่ใบหู หน้าอก หรือบริเวณอื่น ๆ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมพลาสติกได้ที่ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะกับคุณได้ทันที
ศูนย์ศัลยกรรมพลาสติก โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
ดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ใกล้บ้านคุณ
โทร: 02-441-7899 หรือ 1792
แผนที่: ใกล้พุทธมณฑล – หนองแขม – อ้อมน้อย
📲 นัดหมายออนไลน์ผ่าน LINE คลิกที่นี่