ถ้าที่บ้านมีคนเป็นมะเร็ง คิดหรือว่าไม่เสี่ยง? เช็คให้ดีก่อนที่จะมั่นใจ

ถ้ามีคนในครอบครัวเป็นมะเร็ง คุณอาจสงสัยว่า “เราจะเสี่ยงเป็นมะเร็งด้วยหรือไม่?” คำตอบคือ มีโอกาสที่ความเสี่ยงทางพันธุกรรมจะถูกส่งต่อได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนในครอบครัวจะต้องเป็นมะเร็งเสมอไป บทความนี้จะพาคุณมาดูว่าทำไมคนในครอบครัวถึงมีความเสี่ยง และวิธีการป้องกันที่ควรรู้

สาเหตุที่คนในครอบครัวอาจเป็นมะเร็งเหมือนกัน

  1. พันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง:
    • มะเร็งเต้านม  มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมสูง หากมีประวัติในครอบครัว
    • มะเร็งรังไข่: สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
    • มะเร็งลำไส้ใหญ่  มะเร็งชนิดนี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม และอาจส่งต่อความเสี่ยงให้ลูกหลาน
    • มะเร็งต่อมลูกหมาก: มะเร็งชนิดนี้ก็อาจมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ หากมีประวัติในครอบครัว
    • มะเร็งตับอ่อน มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงทางพันธุกรรมบางประเภท
    • มะเร็งกระเพาะอาหาร: หากมีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร อาจเพิ่มความเสี่ยงให้กับคนรุ่นหลัง
  2. ปัจจัยแวดล้อมและพฤติกรรม: คนในครอบครัวมักมีการใช้ชีวิตที่คล้ายกัน เช่น การกินอาหาร การออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ ซึ่งสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้เช่นกัน

ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง?

  • ชนิดของมะเร็ง: มะเร็งบางชนิดมีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมมากกว่าชนิดอื่นๆ
  • อายุของผู้ป่วยในครอบครัว: หากมีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุน้อย ความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้น
  • จำนวนสมาชิกในครอบครัวที่เป็นมะเร็ง: หากมีหลายคนในครอบครัวที่เป็นมะเร็ง ความเสี่ยงของคุณก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
  • ความใกล้ชิดทางสายเลือด: ความเสี่ยงจะสูงขึ้นหากเป็นคนที่มีความใกล้ชิดทางสายเลือด เช่น พี่น้องหรือบุตรหลาน

วิธีลดความเสี่ยงเมื่อมีคนในครอบครัวเป็นมะเร็ง

  • ปรึกษาแพทย์: ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงส่วนตัวและขอคำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองมะเร็ง
  • ตรวจคัดกรองเป็นประจำ: การตรวจคัดกรองมะเร็งตามคำแนะนำของแพทย์ช่วยให้พบมะเร็งได้ในระยะแรก ซึ่งมีโอกาสรักษาหายสูง
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต: ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรม: หากมีความกังวลเรื่องพันธุกรรม อาจต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจพันธุกรรม

การตรวจคัดกรองมะเร็งมีกี่แบบ?

การตรวจคัดกรองมะเร็งมีหลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและความเสี่ยงของแต่ละบุคคล ได้แก่:

  1. การตรวจแมมโมแกรม (Mammogram): ใช้สำหรับตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปี การตรวจนี้สามารถตรวจหาก้อนเนื้อหรือสิ่งผิดปกติในเนื้อเยื่อเต้านมได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
  2. การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)  ใช้สำหรับตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ การตรวจนี้สามารถตรวจหาก้อนเนื้อที่อาจกลายเป็นมะเร็งในอนาคตและตัดออกได้ทันที
  3. การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap Smear): ใช้สำหรับตรวจหาความผิดปกติในเซลล์ปากมดลูก เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก โดยทั่วไปแนะนำให้ผู้หญิงที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปทำการตรวจนี้เป็นประจำทุก 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์
  4. การตรวจเลือดหา PSA (Prostate-Specific Antigen): ใช้สำหรับคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปี การตรวจนี้ช่วยในการหามะเร็งต่อมลูกหมากในระยะเริ่มต้น แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของความแม่นยำ ซึ่งอาจต้องพิจารณาร่วมกับการตรวจอื่นๆ
  5. การตรวจ CT สแกน (Low-dose CT Scan): ใช้สำหรับตรวจคัดกรองมะเร็งปอดในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นเวลานาน การตรวจนี้สามารถหามะเร็งปอดในระยะแรกเริ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาได้มากขึ้น
    • การตรวจ CT Scan สามารถค้นหามะเร็งชนิดใดได้บ้าง?
      • มะเร็งปอด: การตรวจ CT Scan แบบ low-dose สามารถค้นหามะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นได้
      • มะเร็งตับ: สามารถตรวจหาก้อนเนื้อหรือสิ่งผิดปกติในตับได้
      • มะเร็งตับอ่อน: CT Scan สามารถช่วยตรวจหาความผิดปกติในตับอ่อน
      • มะเร็งไต: ใช้ในการตรวจหาก้อนเนื้อที่ไต
      • มะเร็งลำไส้ใหญ่: สามารถใช้ CT Scan เพื่อตรวจหาความผิดปกติในลำไส้ใหญ่
      • มะเร็งในช่องท้อง: สามารถตรวจหามะเร็งที่อาจเกิดขึ้นในช่องท้องหรืออวัยวะต่างๆ
  1. การตรวจเลือดหา Marker มะเร็ง  การตรวจนี้ใช้หาโปรตีนหรือสารเคมีที่ถูกปล่อยออกมาโดยเซลล์มะเร็ง เช่น การตรวจหา CEA สำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือการตรวจหา CA-125 สำหรับมะเร็งรังไข่ การตรวจนี้สามารถช่วยประเมินความเสี่ยงหรือเฝ้าติดตามการรักษา แต่ไม่ได้ใช้เป็นวิธีหลักในการตรวจคัดกรอง

เมื่อไหร่ที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็ง?

  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง: หากมีสมาชิกในครอบครัวเป็นมะเร็งชนิดที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุยังน้อยกว่าที่แนะนำสำหรับประชากรทั่วไป
  • อายุที่กำหนดสำหรับการตรวจคัดกรองแต่ละชนิด: เช่น การตรวจแมมโมแกรมแนะนำสำหรับผู้หญิงอายุมากกว่า 40 ปี การส่องกล้องลำไส้ใหญ่แนะนำสำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง: เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นเวลานาน ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปอดด้วยการทำ CT สแกน
  • ผู้ที่มีอาการผิดปกติ: หากมีอาการเช่น ก้อนเนื้อที่ผิดปกติ เลือดออกที่ไม่ทราบสาเหตุ หรือความผิดปกติอื่นๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจคัดกรอง
  • การตรวจตามคำแนะนำของแพทย์: ผู้ที่มีความเสี่ยงเฉพาะทางหรือประวัติสุขภาพที่แพทย์เห็นว่าควรตรวจคัดกรอง ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

การมีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งอาจทำให้คุณมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเป็นมะเร็งเสมอไป การตรวจคัดกรองและการดูแลสุขภาพที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการป้องกันได้

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • อย่าตื่นตระหนก: การรู้ว่ามีความเสี่ยงช่วยให้คุณสามารถเตรียมตัวและดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น
  • ปรึกษาแพทย์เสมอ: เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมในการดูแลตัวเอง
  • อย่าละเลยความผิดปกติ: หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที

คลินิกมะเร็ง รพ.วิชัยเวชฯ อ้อมน้อย พร้อมดูแลคุณอย่างใกล้ชิด ด้วยบริการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งที่ทันสมัย ช่วยให้คุณตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพิ่มโอกาสในการรักษาและหายขาดได้

 

ติดต่อ คลินิกมะเร็ง รพ.วิชัยเวชฯ​ อ้อมน้อย
02-441-7899  ต่อ 1111 , 3124  หรือ1792
ติดต่อผ่านช่องทางไลน์ได้ง่ายๆ 
Line
สามารถตรวจเช็ค 
ตารางแพทย์ออกตรวจ  เพื่อขอเข้ารับคำปรึกษาได้เลยค่ะ