เมื่อผู้ป่วยมีอาการไข้สูงต่อเนื่องหลายวัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ยุงลายชุกชุม หนึ่งในโรคที่หลายคนหวั่นใจคือ “ไข้เลือดออก” โรคที่แม้จะไม่มีวิธีรักษาเฉพาะ แต่การดูแลที่ถูกต้องและหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้อาการแย่ลงก็ช่วยลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนได้
บทความนี้จะตอบคำถามสำคัญที่พบบ่อยจากผู้ดูแลผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เช่น
ไข้เลือดออกห้ามกินอะไร?
กินยาลดไข้ตัวไหนได้บ้าง?
อาหารแบบไหนควรเลี่ยง?
พร้อมคำแนะนำจากเพื่อให้คุณดูแลตัวเองอย่างปลอดภัย
ไข้เลือดออกคืออะไร?
ไข้เลือดออก (Dengue Fever) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเด็งกีจากยุงลาย มีลักษณะเด่นคือ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดเมื่อยตามตัว จุดเลือดออกใต้ผิวหนัง และอาจมีภาวะช็อกจากการสูญเสียน้ำในรายรุนแรง
หากยังไม่แน่ใจว่าอาการเข้าข่ายหรือไม่ อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
ไข้เลือดออกคืออะไร? สาเหตุ อาการ และการรักษา
ไข้เลือดออกห้ามกินอะไร?
-ห้ามกินยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs
หนึ่งในข้อควรระวังมากที่สุดคือ “ห้ามใช้ยากลุ่ม NSAIDs” เช่น
- แอสไพริน (Aspirin)
- ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
- เมเฟนามิค แอซิด (Mefenamic acid)
เหตุผล: ยาเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านการเกาะตัวของเกล็ดเลือด อาจเพิ่มความเสี่ยงเลือดออกภายใน โดยเฉพาะในช่วง ระยะวิกฤตของไข้เลือดออก ที่เกล็ดเลือดต่ำ
-หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของทอด และของหมักดอง
ผู้ป่วยไข้เลือดออกมักมี ตับอักเสบ ร่วมด้วย ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ตับทำงานหนัก เช่น
- อาหารรสจัดเผ็ดร้อน
- อาหารทอด ไขมันสูง
- อาหารหมักดอง ของแสลง
- น้ำอัดลม แอลกอฮอล์
-งดวิตามินหรือสมุนไพรที่ไม่ผ่านมาตรฐาน
บางคนเข้าใจผิดว่า “กินฟ้าทะลายโจร” หรือ “สมุนไพรจีน” จะช่วยได้ แต่หากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ อาจเพิ่มภาระตับและทำให้อาการซับซ้อนยิ่งขึ้น
ยาลดไข้ไข้เลือดออก กินอะไรได้บ้าง?
-พาราเซตามอล คือยาที่ปลอดภัยที่สุด
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีไข้สูง สามารถใช้ “พาราเซตามอล” (Paracetamol) ได้
- ขนาดรับประทาน: ตามน้ำหนักตัวหรือฉลากยาที่แนะนำ
- ห้ามกินถี่กว่า 4-6 ชั่วโมง และไม่เกิน 4 กรัม/วัน
- ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนการรับประทาน
พาราเซตามอลไม่รบกวนการทำงานของเกล็ดเลือด และไม่เพิ่มความเสี่ยงเลือดออก
-ห้ามกินยาลดไข้แบบซ้ำซ้อน
ไม่ควรใช้พาราเซตามอลร่วมกับยาลดไข้ชนิดอื่นโดยไม่จำเป็น เช่น ยาเย็นชนิดผง หรือยาลดไข้สูตรผสม เพราะอาจมี NSAIDs ผสมอยู่โดยไม่รู้ตัว
ดูแลผู้ป่วยไข้เลือดออกอย่างไรให้ปลอดภัย?
- เช็ดตัวลดไข้เป็นระยะ
- ดื่มน้ำมาก ๆ วันละ 2–3 ลิตร
- สังเกตปัสสาวะ หากน้อยหรือสีเข้ม อาจมีภาวะขาดน้ำ
- หากพบอาการแทรกซ้อน เช่น อาเจียนมาก เลือดออกง่าย หรืออ่อนเพลียผิดปกติ ควรพบแพทย์ทันที
อ่านต่อ:
ไข้เลือดออกในเด็ก อันตรายแค่ไหน?
ระยะของไข้เลือดออก แต่ละช่วงต้องระวังอะไรบ้าง
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไข้เลือดออก
Q :ไข้เลือดออกกินพาราได้ไหม?
A: ได้ พาราเซตามอลเป็นยาลดไข้ที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยไข้เลือดออก ห้ามใช้ยาอื่นที่เสี่ยงทำให้เลือดออกง่าย
Q: ไข้เลือดออกห้ามกินอะไรบ้าง?
A: ห้ามกินยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs อาหารไขมันสูง อาหารหมักดอง และสมุนไพรที่ไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
Q: เด็กเป็นไข้เลือดออกต้องดูแลต่างจากผู้ใหญ่ไหม?
A: เด็กมีความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนง่ายกว่า โดยเฉพาะหากดื่มน้ำน้อยหรือมีอาการซึม ต้องติดตามใกล้ชิด และควรพาไปพบแพทย์
สรุป: ห้ามอะไรเมื่อเป็นไข้เลือดออก?
- ห้ามกินยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน
- ห้ามกินอาหารรสจัด ของทอด ของหมักดอง
- ใช้พาราเซตามอลเท่านั้น
- ดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
- หากสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออกรีบพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันอาการรุนแรง จนถึงเสียชีวิต
หากสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก หรือไม่แน่ใจว่าสามารถให้ยาหรืออาหารแบบใดได้ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางได้ที่
–ศูนย์อายุรกรรม 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ใหญ่
–ศูนย์กุมารเวช 24 ชั่วโมง สำหรับเด็ก
โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
ดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ใกล้บ้านคุณ
โทร: 02-441-7899 หรือ 1792
📍 แผนที่: ใกล้พุทธมณฑล – หนองแขม – อ้อมน้อย
📲 นัดหมายออนไลน์ผ่าน LINE คลิกที่นี่