โรคเบาหวาน มีกี่ระยะ เช็กอาการแต่ละระยะ พร้อมแนวทางดูแล

โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) ไม่ใช่แค่โรคที่น้ำตาลในเลือดสูง แต่เป็นโรคเรื้อรังที่ค่อย ๆ ทำลายหลอดเลือดทั่วร่างกาย โดยเฉพาะที่ตา ไต หัวใจ และเส้นประสาท การรู้ว่าโรคเบาหวานแบ่งเป็นกี่ระยะ จะช่วยให้คุณดูแลตัวเองได้เหมาะสมและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต

บทความนี้จะพาคุณมาดูว่า โรคเบาหวานมีกี่ระยะ แต่ละระยะมีอาการอย่างไร และมีวิธีดูแลตัวเองแบบไหนบ้าง

โรคเบาหวานมีกี่ระยะ

โรคเบาหวานแบ่งได้เป็น 3 ระยะหลัก ซึ่งแต่ละระยะมีอาการและแนวทางดูแลแตกต่างกัน

ภาวะก่อนเบาหวาน (Pre-diabetes)

ภาวะนี้ถือเป็นช่วงเตือนภัย ระดับน้ำตาลสูงกว่าปกติ แต่ยังไม่ถึงเกณฑ์วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน

  • ค่าน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (Fasting glucose) อยู่ระหว่าง 100-125 mg/dL
  • ค่า HbA1c ระหว่าง 5.7-6.4%

ส่วนใหญ่ยังไม่มีอาการ แต่ถ้าไม่ควบคุม จะมีโอกาสกลายเป็นเบาหวานเต็มตัวในเวลาไม่นาน

ระยะเบาหวาน

เมื่อระดับน้ำตาลสูงจนเข้าเกณฑ์โรคเบาหวาน โดยเกณฑ์วินิจฉัยคือ

  • Fasting glucose ≥126 mg/dL
  • HbA1c ≥6.5%

ในระยะนี้หลายคนจะเริ่มมีอาการ เช่น ปากแห้ง กระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะกลางคืน เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ แผลหายช้า และอาจคันตามผิวหนัง

ระยะเกิดภาวะแทรกซ้อน

หากควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดี จะเกิดความเสียหายที่เส้นเลือดเล็กทั่วร่างกาย ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น

  • เบาหวานขึ้นตา มองไม่ชัด ตาพร่ามัว
  • ไตเสื่อม จนมีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ
  • ปลายประสาทเสื่อม รู้สึกชาหรือปวดแสบปวดร้อน
  • หลอดเลือดหัวใจหรือสมองตีบ

เมื่อเข้าสู่ระยะนี้จำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงสูญเสียการมองเห็น ไตวาย หรือหัวใจวายเฉียบพลัน

แนวทางดูแลตัวเองแต่ละระยะ

การดูแลที่ถูกต้องจะช่วยหยุดไม่ให้โรคพัฒนา หรืออย่างน้อยชะลอไม่ให้เข้าสู่ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะก่อนเบาหวาน

  • ลดน้ำหนักประมาณ 5-10% ของน้ำหนักเดิม
  • ปรับอาหาร เลี่ยงหวาน มัน เค็ม เน้นผัก ธัญพืชไม่ขัดสี
  • ออกกำลังอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ
  • ตรวจน้ำตาลทุก 3-6 เดือนเพื่อประเมินผล

ระยะเบาหวาน

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ ทั้งเรื่องโภชนาการและยา
  • ตรวจ HbA1c ทุก 3-6 เดือน เพื่อดูระดับน้ำตาลย้อนหลัง
  • ตรวจตา ไต และเส้นประสาทเป็นประจำ
  • ควบคุมความดันโลหิตและไขมันให้อยู่ในเกณฑ์

ระยะเกิดภาวะแทรกซ้อน

  • ตรวจอวัยวะสำคัญ เช่น ตา ไต ทุก 6 เดือน หรือถี่ขึ้นตามดุลยพินิจแพทย์
  • ปฏิบัติตามการรักษาอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอาการลุกลาม
  • ระวังเรื่องแผล โดยเฉพาะบริเวณเท้า ถ้ามีบาดแผลควรมาพบแพทย์ทันที

บทความที่เกี่ยวข้อง
-ค่าน้ำตาลในเลือดปกติเท่าไหร่ ตารางเปรียบเทียบก่อน-หลังอาหาร พร้อมแนวทางการอ่านค่า 

-FPG คืออะไร ตรวจยังไง ใช้บอกภาวะเบาหวานได้แม่นแค่ไหน

-ใครบ้างควรตรวจเบาหวาน 

FAQ : คำถามเกี่ยวกับระยะของโรคเบาหวาน

Q: ภาวะก่อนเบาหวานกลับเป็นปกติได้ไหม
A:
หากเริ่มปรับพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย และคุมอาหารตั้งแต่เนิ่น ๆ โอกาสที่จะกลับเป็นปกติได้สูง แต่ต้องทำต่อเนื่อง

Q: ตรวจ HbA1c สำคัญแค่ไหน
A:
HbA1c เป็นค่าที่สะท้อนระดับน้ำตาลเฉลี่ยใน 2-3 เดือนที่ผ่านมา แม่นยำกว่าการตรวจจิ้มปลายนิ้วครั้งเดียว จึงใช้ติดตามควบคุมเบาหวานได้ดี

Q: ถ้ามีภาวะแทรกซ้อนแล้ว หายขาดได้หรือไม่
A:
โดยทั่วไป ภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตเสื่อม ตาเสื่อม หรือปลายประสาทเสื่อมจะไม่หายขาด แต่สามารถควบคุมไม่ให้แย่ลง หากรักษาและตรวจติดตามต่อเนื่อง

ตรวจเบาหวาน รู้ก่อน ป้องกันได้ก่อน ที่ศูนย์อายุรกรรม รพ.วิชัยเวชฯ อ้อมน้อย หากคุณกังวลว่าตัวเองอาจเริ่มเข้าสู่ ภาวะก่อนเบาหวาน หรือเป็นเบาหวานแล้ว แต่อยากควบคุมไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เฉพาะทางได้ที่ ศูนย์อายุรกรรม 24 ชั่วโมง โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย เรามีทีมอายุรแพทย์เฉพาะทาง ตรวจเช็ก HbA1c และให้คำปรึกษาครบวงจร เดินทางสะดวก ใกล้อ้อมน้อย เพชรเกษม บางแค

ศูนย์อายุรกรรม Premium 24 ชั่วโมง
โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อ้อมน้อย
โทร: 02-441-7899  หรือ1792
แผนที่: ใกล้พุทธมณฑล – หนองแขม – อ้อมน้อย
นัดหมายออนไลน์: Line